น้ำมันปาล์ม (palm oil) เป็นน้ำมันพืช (vegetable oil) ที่ใช้วัตถุดิบ คือผลของต้นปาล์ม ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า อีเลอีส กีนีเอ็นซิส
(Elaeis guineensis) ผลปาล์มน้ำมัน (palm) เป็นพืชน้ำมัน (oil corp) ซึ่งมีน้ำมันร้อยละ 56 มีสีเหลืองส้มของแคโรทีน (carotene)
(Elaeis guineensis) ผลปาล์มน้ำมัน (palm) เป็นพืชน้ำมัน (oil corp) ซึ่งมีน้ำมันร้อยละ 56 มีสีเหลืองส้มของแคโรทีน (carotene)
น้ำมันปาล์ม (palm oil) ได้จากผลปาล์ม 2 ส่วนคือ
1. จากเปลือกหุ้มภายนอก (mesocarp) น้ำมันที่ได้เรียกกว่า น้ำมันจากเนื้อเมล็ดปาล์ม (palm oil)
2. จากเนื้อในของเมล็ด (palm kernel) น้ำมันที่ได้เรียกว่า น้ำมันจากเมล็ดปาล์ม palm kernel oil ซึ่งมีน้ำมันร้อยละ 44-48
ชนิดของน้ำมันปาล์ม (palm oil)
น้ำมันปาล์ม เป็นอาหารควบคุมเฉพาะ จากประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 56 (พ.ศ.2524) เรื่อง น้ำมันปาล์ม ได้แบ่งประเภทของน้ำมันปาล์มดังนี้
(1) น้ำมันปาล์มจากเนื้อปาล์ม (palm oil)
(2) น้ำมันปาล์มโอลีอินจากเนื้อปาล์ม (palm olein)
(3) น้ำมันปาล์มสเตียรินจากเนื้อปาล์ม (palm stearin)
(4) น้ำมันปาล์มจากเมล็ดปาล์ม (palm kernel oil)
(5) น้ำมันปาล์มโอลีอินจากเมล็ดปาล์ม (palm kernel olein)
(6) น้ำมันปาล์มสเตียรินจากเมล็ดปาล์ม (palm kernel stearin)
ข้อเสียของน้ำมันปาล์ม คือ จะสลายตัว (hydrolyse) ได้ง่ายด้วยเอนไซม์ลิเพส (lipase) เมื่อเกิดการช้ำหรือการกระแทกของผลปาล์ม
ในระหว่างการเก็บเกี่ยวและการขนย้าย ทำให้มีปริมาณกรดไขมันอิสระ (free fatty acid) เพิ่มสูงขึ้น และมีสีเหลืองส้มของแคโรทีน
(carotene) ปะปนทำให้น้ำมันต้องกำจัดสีโดยขบวนการทำให้น้ำมันบริสุทธิ์
ในระหว่างการเก็บเกี่ยวและการขนย้าย ทำให้มีปริมาณกรดไขมันอิสระ (free fatty acid) เพิ่มสูงขึ้น และมีสีเหลืองส้มของแคโรทีน
(carotene) ปะปนทำให้น้ำมันต้องกำจัดสีโดยขบวนการทำให้น้ำมันบริสุทธิ์
การแปรรูปน้ำมันปาล์ม
การผลิตน้ำมันปาล์มให้ทำได้ ดังนี้
(1) วิธีธรรมชาติ ทำโดยการบีบอัด หรือบีบอัดโดยใช้ความร้อน หรือวิธีธรรมชาติอื่น ตามที่ได้รับความเห็นชอบจาก สำนักงาน
คณะกรรมการอาหารและยา และนำมาทำให้สะอาดโดยการล้าง การตั้งไว้ให้ตกตะกอน (sedimentation) การกรอง (filtration)
หรือการหมุนเหวี่ยง (centrifuge)
คณะกรรมการอาหารและยา และนำมาทำให้สะอาดโดยการล้าง การตั้งไว้ให้ตกตะกอน (sedimentation) การกรอง (filtration)
หรือการหมุนเหวี่ยง (centrifuge)
(2) วิธีผ่านกรรมวิธี ทำโดยนำน้ำมันปาล์มที่ได้จากธรรมชาติหรือที่ได้จากการสกัดด้วยสารละลายตามที่ได้รับความเห็นชอบจาก
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และนำมาผ่านกรรมวิธี ทำให้บริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และนำมาผ่านกรรมวิธี ทำให้บริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง
(3) วิธีอื่นตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาคุณภาพมาตรฐานของน้ำมันปาล์ม
น้ำมันปาล์มเป็นอาหารควบคุมเฉพาะ จากประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 56 (พ.ศ.2524) เรื่อง น้ำมันปาล์ม กำหนด
คุณภาพมาตรฐานของน้ำมันปาล์มดังนี้
คุณภาพมาตรฐานของน้ำมันปาล์มดังนี้
1. น้ำมันปาล์มจากเนื้อปาล์ม (palm oil)
น้ำมันจากเนื้อปาล์ม น้ำมันปาล์มโอลีอินจากเนื้อปาล์ม (palm olein) และ น้ำมันปาล์มสเตียรินจากเนื้อปาล์ม (palm stearin)
ที่ผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือที่จำหน่าย เพื่อใช้รับประทานหรือใช้ปรุงแต่งอาหาร ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐาน
ดังต่อไปนี้
ที่ผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือที่จำหน่าย เพื่อใช้รับประทานหรือใช้ปรุงแต่งอาหาร ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐาน
ดังต่อไปนี้
(1) มีค่าของกรด (acid value) ไม่เกิน 10 มิลลิกรัม โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ต่อน้ำมัน 1 กรัม สำหรับน้ำมันปาล์ม ที่ทำโดย
วิธีธรรมชาติ และไม่เกิน 0.6 มิลลิกรัม โปแตสเซียมไฮดรอกไซด์ ต่อน้ำหนัก 1 กรัม สำหรับน้ำมันปาล์มที่ทำโดยวิธีผ่านกรรมวิธี
วิธีธรรมชาติ และไม่เกิน 0.6 มิลลิกรัม โปแตสเซียมไฮดรอกไซด์ ต่อน้ำหนัก 1 กรัม สำหรับน้ำมันปาล์มที่ทำโดยวิธีผ่านกรรมวิธี
(2) มีค่าเพอร์ออกไซด์ (peroxide value) ไม่เกิน 10 มิลลิกรัมสมมูลย์เพอร์ออกไซด์ออกซิเจน ต่อน้ำมัน 1 กิโลกรัม
(3) มีส่วนประกอบของกรดไขมันเป็นร้อยละของกรดไขมันทั้งหมด โดยใช้วิธีก๊าซลิควิดโครมาโตกราฟฟี หรือ จีแอลซี
(Gas Liquid Chromatography หรือ GLC) ดังนี้
(Gas Liquid Chromatography หรือ GLC) ดังนี้
กรดลอริก (Lauric acid) กรดไมริสติก (Myristic acid) กรดปาลมิติก (Palmitic acid) กรดปาลมิโตเลอิก (Palmitoleic acid) กรดสเตียริก (Stearic acid) กรดโอลีอิก (Oleic acid) กรดลิโนลีอิก (Linoleic acid) กรดลิโนลนิก (Linolenic acid) กรดอะราซิดิก (Arachidic acid) | ไม่เกิน 1.2 ระหว่าง 0.5 ถึง 5.9 ระหว่าง 32 ถึง 59 ไม่เกิน 0.6 ระหว่าง 1.5 ถึง 8.0 ระหว่าง 27 ถึง 52.0 ร ะหว่าง 5.0 ถึง 14 ไม่เกิน 1.5 ไม่เกิน 1.0 |
(4) มีค่าสปอนิฟิเคชัน (saponification value) ระหว่าง 190 ถึง 209 มิลลิกรัม โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ต่อน้ำมัน 1 กรัม
(5) มีค่าไอโอดีนแบบวิจส์ (iodine value, Wijs) ดังนี้
(ก) ระหว่าง 50-56 สำหรับน้ำมันปาล์มจากเนื้อปาล์ม
(ข) ไม่น้อยกว่า 55 สำหรับน้ำมันปาล์มโอลีอินจากเนื้อปาล์ม
(ค) ไม่เกิน 48 สำหรับน้ำมันปาล์มสเตียรินจากเนื้อปาล์ม
(ก) ระหว่าง 50-56 สำหรับน้ำมันปาล์มจากเนื้อปาล์ม
(ข) ไม่น้อยกว่า 55 สำหรับน้ำมันปาล์มโอลีอินจากเนื้อปาล์ม
(ค) ไม่เกิน 48 สำหรับน้ำมันปาล์มสเตียรินจากเนื้อปาล์ม
6) มีสารที่สปอนิฟายไม่ได้ (unsaponifiable matter) ไม่เกินร้อยละ 1.2 ของน้ำหนัก
(7) มีสิ่งที่ระเหยได้ (volatile matter) ที่อุณหภูมิ 105 องศาเซลเซียส ไม่เกินร้อยละ 0.2 ของน้ำหนัก
(8) มีปริมาณสบู่ (soap content) ไม่เกินร้อยละ 0.005 ของน้ำหนัก
(9) มีกลิ่นและรสตามลักษณะเฉพาะของน้ำมันปาล์มจากเนื้อปาล์ม
(10) มีสิ่งอื่นที่ไม่ละลาย (Insoluble impurities) ไม่เกินร้อยละ 0.05 ของน้ำหนัก
(11) มีปริมาณแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ทั้งหมด คำนวณเป็นบีตา-แคโรทีน ไม่น้อยกว่า 500 มิลลิกรัม ต่อน้ำมัน 1 กิโลกรัม และไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อน้ำมัน 1 กิโลกรัม สำหรับน้ำมันปาล์มที่ทำโดยวิธีธรรมชาติ
(12) ไม่มีกลิ่นหืน (rancidity)
(13) ไม่มีน้ำมันแร่
2. น้ำมันจากเมล็ดปาล์ม
น้ำมันปาล์มจากเมล็ดปาล์ม (palm kernel oil) น้ำมันปาล์มโอลีอินจากเมล็ดปาล์ม (palm kernel olein) น้ำมันปาล์มสเตียริน
จากเมล็ดปาล์ม (palm kernel stearin) ที่ผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือที่จำหน่าย เพื่อใช้รับประทานหรือใช้ปรุง
แต่งอาหาร ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
จากเมล็ดปาล์ม (palm kernel stearin) ที่ผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือที่จำหน่าย เพื่อใช้รับประทานหรือใช้ปรุง
แต่งอาหาร ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(1) มีค่าของกรด (Acid value) ไม่เกิน 0.6 มิลลิกรัม โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ต่อน้ำมัน 1 กรัม สำหรับน้ำมันปาล์มที่ทำโดย
วิธีผ่านกรรมวิธี
วิธีผ่านกรรมวิธี
(2) มีค่าเพอร์ออกไซด์ (Peroxide value) ไม่เกิน 10 มิลลิกรัมสมมูลย์เพอร์ออกไซด์ ออกซิเจน ต่อน้ำมัน 1 กิโลกรัม
(3) มีส่วนประกอบของกรดไขมันเป็นร้อยละของกรดไขมันทั้งหมดโดยใช้วิธีกาซลิควิดโครมาโตกราฟฟี หรือ จีแอลซี (Gas Liquid Chromatography) หรือ G L C) ดังนี้ เว้นแต่น้ำมันปาล์ม โอลีอินจากเมล็ดปาล์มและน้ำมันปาล์มสเตียรินจากเมล็ดปาล์ม ให้มีได้ตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
กรดคาโปรอิค (Caproic acid) กรดคาปรีลิค (Caprylic acid) กรดคาปริค (Capric acid) กรดลอลิค (Lauric acid) กรดไมริสติค (Myristic acid) กรดปาล์มมิติค (Palmitic acid) กรดสเตียริค (Stearic acid) กรดโอลีอิค (Oleic acid) กรดไลโนลีอิค (Linoleic acid) | ไม่เกิน 0.5ระหว่าง 2.4 ถึง 6.2ระหว่าง 2.6 ถึง 7.0ระหว่าง 41 ถึง 55ระหว่าง 14 ถึง 20ระหว่าง 6.5 ถึง 11ระหว่าง 1.3 ถึง 3.5ระหว่าง 10 ถึง 23ระหว่าง 0.7 ถึง 5.4 |
(4) มีค่าสปอนิฟิเคชั่น (Saponification value) ระหว่าง 230 ถึง 254 มิลลิกรัม โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ต่อน้ำมัน 1 กรัม
(5) มีค่าไอโอดีนแบบวิจส์ (Iodine value, Wijs) ระหว่าง 13 ถึง 23 เว้นแต่น้ำมันปาล์มโอลีอินจากเมล็ดปาล์ม และน้ำมันปาล์มสเตียรินจากเมล็ดปาล์ม ให้มีได้ตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(6) มีสารที่สปอนิฟายไม่ได้ (Unsaponifiable matter) ไม่เกินร้อยละ 1 ของน้ำหนัก
(7) มีสิ่งที่ระเหยได้ (Volatile matter) ที่อุณหภูมิ 105 องศาเซลเซียส ไม่เกินร้อยละ 0.2 ของน้ำหนัก
(8) มีปริมาณสบู่ (Soap content) ไม่เกินร้อยละ 0.005 ของน้ำหนัก
(9) มีกลิ่นและรสตามลักษณะเฉพาะของน้ำมันปาล์มจากเมล็ดปาล์ม
(10) มีสิ่งอื่นที่ไม่ละลาย (Insoluble impurities) ไม่เกินร้อยละ 0.05 ของน้ำหนัก
(11) ไม่มีกลิ่นหืน
(12) ไม่มีน้ำมันแร่ น้ำมันปาล์มที่ผลิตตามวิธีอื่นในข้อ 3 (3) ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐานตาม (3) (4)
(5) (6) และ (9) แต่ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐานตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ข้อ 6
น้ำมันปาล์มที่ใช้วัตถุเจือปนอาหาร (food additive) หรือที่มีสารปนเปื้อน (contaminants) ต้องใช้หรือมีได้ตามชนิดและปริมาณ
ที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายประกาศนี้เท่านั้น ข้อ 7 น้ำมันปาล์มที่ใช้ประโยชน์อย่างอื่นนอกจากใช้รับประทานหรือใช้ปรุงแต่งอาหาร
ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐานตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในข้อ 4 ข้อ 5 และข้อ 6 แต่ต้องแสดงฉลากไว้ที่
ภาชนะบรรจุว่า"ห้ามใช้รับประทาน" ด้วยตัวอักษรสีแดง ขนาดไม่เล็กกว่า 1 เซนติเมตร ในกรอบพื้นสีขาว และในฉลากนั้นให้แสดง
เครื่องหมายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาออกให้ไว้ด้วย ข้อ 8 ภาชนะบรรจุที่ใช้บรรจุน้ำมันปาล์มที่ใช้รับประทานหรือ
ใช้ปรุงแต่งอาหาร ให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย เรื่อง ภาชนะบรรจุ ข้อ 9 การแสดงฉลากของน้ำมันปาล์มที่
ใช้รับประทานหรือใช้ปรุงแต่งอาหาร ให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่อง ฉลาก
(5) (6) และ (9) แต่ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐานตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ข้อ 6
น้ำมันปาล์มที่ใช้วัตถุเจือปนอาหาร (food additive) หรือที่มีสารปนเปื้อน (contaminants) ต้องใช้หรือมีได้ตามชนิดและปริมาณ
ที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายประกาศนี้เท่านั้น ข้อ 7 น้ำมันปาล์มที่ใช้ประโยชน์อย่างอื่นนอกจากใช้รับประทานหรือใช้ปรุงแต่งอาหาร
ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐานตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในข้อ 4 ข้อ 5 และข้อ 6 แต่ต้องแสดงฉลากไว้ที่
ภาชนะบรรจุว่า"ห้ามใช้รับประทาน" ด้วยตัวอักษรสีแดง ขนาดไม่เล็กกว่า 1 เซนติเมตร ในกรอบพื้นสีขาว และในฉลากนั้นให้แสดง
เครื่องหมายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาออกให้ไว้ด้วย ข้อ 8 ภาชนะบรรจุที่ใช้บรรจุน้ำมันปาล์มที่ใช้รับประทานหรือ
ใช้ปรุงแต่งอาหาร ให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย เรื่อง ภาชนะบรรจุ ข้อ 9 การแสดงฉลากของน้ำมันปาล์มที่
ใช้รับประทานหรือใช้ปรุงแต่งอาหาร ให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่อง ฉลาก
ประกาศฉบับนี้ไม่กระทบกระเทือนถึงใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร ซึ่งออกให้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 22
(พ.ศ.2522) เรื่อง กำหนดน้ำมันและไขมันเป็นอาหารควบคุมเฉพาะและกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน วิธีการผลิต และฉลาก
สำหรับน้ำมัน และไขมัน เว้นแต่เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับน้ำมันปาล์มจากเนื้อปาล์มตามข้อ 2 (1) (2) หรือ (3) หรือน้ำมันปาล์มจาก
เมล็ดปาล์มตามข้อ 2 (4) (5) หรือ (6) ให้ผู้ที่ได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหารตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ
ดังกล่าวมาดำเนินการแก้ไขตำรับอาหารให้มีรายละเอียดถูกต้องตามประกาศฉบับนี้ ภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ
(พ.ศ.2522) เรื่อง กำหนดน้ำมันและไขมันเป็นอาหารควบคุมเฉพาะและกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน วิธีการผลิต และฉลาก
สำหรับน้ำมัน และไขมัน เว้นแต่เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับน้ำมันปาล์มจากเนื้อปาล์มตามข้อ 2 (1) (2) หรือ (3) หรือน้ำมันปาล์มจาก
เมล็ดปาล์มตามข้อ 2 (4) (5) หรือ (6) ให้ผู้ที่ได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหารตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ
ดังกล่าวมาดำเนินการแก้ไขตำรับอาหารให้มีรายละเอียดถูกต้องตามประกาศฉบับนี้ ภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ
องค์ประกอบกรดไขมัน (fatty acid) ของน้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันเมล็ดในปาล์ม
น้ำมันปาล์มใช้ทำอะไร
เราใช้น้ำมันปาล์มมาทำประโยชน์อย่างมากมายในปัจจุบัน ทำให้มีความต้องการน้ำมันปาล์มมากขึ้น ส่งผลให้มีการปลูกปาล์มน้ำมันกันอย่างแพร่หลาย เพื่อนำมาหีบเอาน้ำมันจากเนื้อปาล์มและเอนโดเสปิร์มในเมล็ดปาล์ม น้ำมันปาล์มมีสมบัติต่าง ๆ หลายประการที่เหมาะสมกว่าไขมันสัตว์ เช่น มีความคงตัวต่อการเกิดออกซิเดชั่น มีความคงตัวต่อการเกิดผลึกเบต้าไพรม์ มีปริมาณไขมันแข็งตามธรรมชาติ ราคาถูก หาได้ง่าย มีคุณค่าทางโภชนาการ เป็นต้น จึงมีการนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่อาหาร ซึ่งเราก็ได้ใช้ผลผลิตจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน
คำถาม - สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดออกซิเดชั่น
- สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการตกผลึกแบบเบต้าไพรม์ (Beta prime Crystals)
- สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการตกผลึกแบบเบต้าไพรม์ (Beta prime Crystals)
ในอุตสาหกรรมอาหาร ที่เรารู้จักกันดีคือมีการใช้น้ำมันปาล์มในการทอดอาหาร เนื่องจากน้ำมันปาล์มมีความคงตัวที่อุณหภูมิสูง มีกรดลิโนเลอิกซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณน้อยทำให้เกิดกลิ่นน้อยมากและยังมีสารกันหืนธรรมชาติ คือ วิตามินอีสูง จึงเหมาะต่อการนำมาทอดที่ใช้น้ำมันมาก มีจุดเกิดควันสูง สามารถใช้ซ้ำครั้งได้มากกว่าน้ำมันชนิดอื่น นิยมนำมาประกอบในการผลิตของขบเคี้ยว อาหารว่าง บะหมี่สำเร็จรูป นอกจากนี้ น้ำมันปาล์มยังถูกนำมาใช้ในการผลิตเนยขาว (shortening)สำหรับใช้ในขนมอบ ใช้ทำมาการีนหรือเนยเทียมทั้งแบบที่ใช้ทาขนมปัง แบบที่ใช้ทำเค้ก และแบบที่ใช้ผสมในการทำแป้งพาย ใช้น้ำมันปาล์มที่แปรรูปแล้วผสมกับโกโก้บัตเตอร์ทำสารเคลือบชอคโกแลตเช่น เคลือบไอศกรีมแท่ง ใช้เป็นส่วนผสมในการทำครีมเทียมสำหรับใส่ในเครื่องดื่ม และอื่น ๆ อีกมากมายหลายชนิด
การใช้น้ำมันปาล์มในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่อาหารมีทั้งการนำน้ำมันปาล์มไปใช้ประโยชน์โดยตรงโดยนำไปทำเป็นไบโอดีเซลใช้กับเครื่องยนต์ นำไปใช้เป็นโคลนหล่อลื่นหัวขุดเจาะของเครื่องขุดเจาะน้ำมัน ใช้เป็นว้สดุหลักในการผลิตสบู่แทนไขมันสัตว์ นอกจากการนำมาใช้โดยตรงแล้ว ยังมีการแยกเอากรดไขมันและส่วนประกอบอื่น ๆ ของน้ำมันปาล์มไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่นใช้ในการผลิตยาง อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องสำอาง ยา เคมีภัณฑ์ พลาสติก เป็นต้น